มาร์ก จะให้ฟีด Facebook แนะนำคอนเทนต์เหมือน TikTok และเชื่อว่า Metaverse จะเป็นธุรกิจที่น่าตื่นเต้นในปี 2030

มาร์ก จะให้ฟีด Facebook แนะนำคอนเทนต์เหมือน TikTok และเชื่อว่า Metaverse จะเป็นธุรกิจที่น่าตื่นเต้นในปี 2030

28 เม.ย. 2022
เมื่อไตรมาสที่แล้ว Meta (Facebook เดิม) ได้รายงานผลประกอบไตรมาส 4 ปี 2021 ซึ่งมีการเปิดเผยผลประกอบการของ Reality Labs หน่วยงานด้าน Metaverse ของบริษัทเป็นครั้งแรก
โดยพบว่า แม้ว่าธุรกิจนี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี แต่ก็ยังขาดทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ล่าสุด Meta ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2022 ที่ผ่านมา (ม.ค. - มี.ค. 2022)
พบว่าหน่วยงาน Reality Labs ยังคงสร้างรายได้เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 23,900 ล้านบาท
แต่ก็ยังคงขาดทุนจากการดำเนินการถึง 101,970 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 39,000 ล้านบาท
สำหรับ Reality Labs เป็นหน่วยงานที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR เพื่อเข้าสู่โลก Metaverse
และด้วยความที่เป็นธุรกิจใหม่ บริษัทก็ได้ประเมินไว้อยู่แล้วว่า จะยังคงขาดทุนไปเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องใช้เงินทุนสร้างจำนวนมาก
ทาง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่า กำไรจาก Metaverse จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะออกสู่ตลาด และได้รับความนิยมในวงกว้าง รวมถึงทำให้ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ต่ำลงได้
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เชื่อว่าธุรกิจ Metaverse จะสร้างรายได้และและกำไรจำนวนมหาศาลต่อบริษัท และกลายเป็นธุรกิจที่น่าตื่นเต้นอย่างมากในปี 2030
โดยในช่วงปลายปีนี้ Meta วางแผนที่เปิดตัว Horizon แพลตฟอร์มโลกเสมือนในเวอร์ชันเว็บไซต์ ที่ทำให้ผู้คนเข้ามาอยู่ในโลกเสมือนได้อย่างทั่วถึง โดยไม่ต้องพึ่งแว่น VR
นอกจากนี้ Meta จะเปิดตัวแว่น VR ใหม่ในระดับไฮเอนด์ ที่มีชื่อว่า Project Cambria ที่จะพรีเมียมกว่าแว่น VR ทั่ว ๆ ไป เช่น มีการออกแบบแว่นตาตามสรีรศาสตร์, มีเทคโนโลยีติดตามดวงตาและใบหน้า ช่วยให้ตัวละครอวตาร์ในโลกเสมือน สมจริงยิ่งขึ้น
ในการแถลงผลประกอบการ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังได้ชี้ถึงสิ่งที่บริษัทจะโฟกัส 3 สิ่งในอนาคต
ซึ่งนอกจาก Metaverse ที่กล่าวไปแล้ว
อีก 2 สิ่งที่จะโฟกัสก็คือ Reels หรือวิดีโอสั้น และ Ads หรือโฆษณานั่นเอง
สำหรับ Reels ทาง Meta มองว่า ผู้ใช้งานหันมาให้ความสนใจคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอสั้นมากขึ้น
โดยปัจจุบัน ผู้ใช้งาน Instagram ใช้เวลาบน Reels ราว 20%
ส่วนผู้ใช้งาน Facebook ใช้เวลาไปกับวิดีโอมากถึง 50%
ส่วนจุดสำคัญที่ Meta จะปรับเปลี่ยนก็คือ ทั้งใน Reels รวมถึงหน้าฟีด Facebook จะมีการใช้ AI เข้ามาแนะนำคอนเทนต์มากขึ้น
หมายความว่า จากปกติที่หน้าฟีดจะเป็นโพสต์อัปเดตของเพื่อน ๆ หรือเฉพาะบัญชีที่กดติดตาม
แต่หลังจากนี้ จะมี AI ที่คอยนำเสนอคอนเทนต์จากแหล่งอื่น ๆ แม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่ได้เป็นเพื่อน หรือไม่ได้กดติดตาม เหมือนกับที่ TikTok ทำนั่นเอง
และอย่างสุดท้ายคือ โฆษณา ประเด็นที่สำคัญก็คือ ในตอนนี้ Reels ของ Instagram ที่ผู้ใช้งานเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ยังไม่สามารถสร้างรายได้ ได้เทียบเท่าการโพสต์บนหน้าฟีด หรือบน Stories
แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็คาดหวังว่า มันจะดีขึ้นในอนาคต
เหมือนอย่างเมื่อปี 2018 ที่ฟีเชอร์ Stories ก็ไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ แต่ก็ได้รับการพัฒนาและดีขึ้นในปัจจุบัน
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.