ในอดีต เขามักใช้ Instagram เพื่อดูว่า ครอบครัว และเพื่อน ๆ ของเขา กำลังทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า Instagram กลายเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ ของบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ และแบรนด์ ที่ใช้ Instagram เป็นเครื่องมือหาเงิน
ล่าสุด Meta เจ้าของโซเชียลมีเดียที่หลายคนคุ้นเคย อย่าง Facebook และ Instragramได้ประกาศว่าจะปลดพนักงานเพิ่มอีก 10,000 ภายคนในปีนี้
Meta จะเลิกโฟกัสกับธุรกิจที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือ เตรียมนำฟีเชอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ NFT ออกจากแพลตฟอร์ม ทั้ง Facebook และ Instagram
มีรายงานว่า Facebook กำลังมีแผนที่จะนำ Messenger กลับเข้ามารวมกับแอป Facebook อีกครั้ง เพื่อแข่งกับ TikTok ที่กำลังชิงเวลาของผู้ใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ
การปลดพนักงานในเวลาอันใกล้นี้ เกิดขึ้นหลัง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Meta ตั้งเป้าให้ปีนี้เป็นปีแห่งประสิทธิภาพ (Year of Efficiency) ที่เน้นทำกำไรมากขึ้น
โดยแว่น AR นี้ Meta จะมีการทดสอบเป็นการภายใน ในปี 2024 และคาดว่าจะเปิดตัววางขายได้จริง หลังปี 2027 เป็นต้นไป
โดยทีมใหม่นี้ จะทำหน้าที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ต่าง ๆ ให้กับบริษัท โดยให้ความสำคัญกับ Generative AI ซึ่งก็คือ AI ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์เคยเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้น
ซึ่งความสามารถของมันก็คือ เขียนข้อความขึ้นมาเองได้, เป็นแชตบอต ที่สามารถสนทนาได้, สามารถสรุปเนื้อหาต่าง ๆ ได้ และ สามารถทำสิ่งที่ซับซ้อนได้ เช่น แก้โจทย์เลข
การเจรจาในครั้งนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว และลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นต้น และยังไม่ได้มีการตัดสินใจแต่อย่างใด
โดยทาง Meta จะให้ยืนยันด้วยบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลด้วย เช่น บัตรประชาชน นอกจากเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนแล้ว ก็ยังเพื่อเป็นป้องกันการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นนั่นเอง
โดยงานทั่วไปที่ว่านี้ ก็หมายถึง การเขียนโค้ด การออกแบบ หรือการวิจัย ที่ไม่ใช่การคุมทีม
โดยจะไม่อนุญาตให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงข้อมูลบางอย่าง เช่น เพศ พฤติกรรมการใช้งาน เพจที่กดไลก์ หรือความสนใจต่าง ๆ