กรณีศึกษา เมื่อ ตู้กดสินค้าอัตโนมัติ เวนดิ้งพลัส เปิดตัวแบรนด์ราคาประหยัดสู่ตลาดตู้น้ำ

กรณีศึกษา เมื่อ ตู้กดสินค้าอัตโนมัติ เวนดิ้งพลัส เปิดตัวแบรนด์ราคาประหยัดสู่ตลาดตู้น้ำ

31 ม.ค. 2020
เวลาเราไปประเทศญี่ปุ่น หนึ่งสิ่งที่พบเห็นบ่อยที่สุดนั้นคือ ตู้กดสินค้าอัตโนมัติ
เพราะมีมากกว่า 5 ล้านตู้ ขณะที่ในประเทศไทยมีประมาณ 3 หมื่นตู้
เหตุผลก็เพราะในบ้านเราผู้บริโภคอาจจะยังไม่คุ้นชิน
หรือยังใช้งานตู้กดสินค้าอัตโนมัติไม่ค่อยเป็น
แต่...เชื่อหรือไม่ว่า ณ เวลานี้มีบริษัทหนึ่งในประเทศไทยที่เพิ่งเข้ามาในธุรกิจนี้ได้เพียง 2 ปี
แต่...สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
จากในปี 2561 ซึ่งมีเพียง 1,000 กว่าตู้ มาปัจจุบันมีมากกว่า 4,000 ตู้ และวางเป้าหมายว่าในปี 2020 จะต้องมีมากกว่า 10,000 ตู้
“ตู้เวนดิ้งพลัสมีกระจายอยู่ตามทำเลศูนย์การค้า, ชุมชน, โรงงานต่างๆ
ซึ่งเหตุผลที่ตู้เราได้รับความนิยมนอกจากมีเครื่องดื่มหลากหลาย อีกทั้งการที่มีวิธีการใช้งานติดอยู่หน้าตู้
ทำให้ลูกค้ารู้สึกใช้งานง่าย ทำให้มียอดการใช้งานเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และรองรับการจ่ายเงินแบบดิจิทัลทั้ง QR Code, True Money Wallet, LINE Pay และในอนาคตก็จะรองรับการชำระเงินผ่านช่องทาง WeChat, Alipay และ Wallet อื่นๆ ตามมา”
ทีมผู้บริหารเวนดิ้งพลัส เจ้าของตู้กดสินค้าอัตโนมัติเวนดิ้งพลัส ในเครือบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) บอกถึงเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจตู้กดสินค้าอัตโนมัติของตัวเองประสบความสำเร็จ
เพราะ ณ วันนี้ นอกจากจำนวนตู้ที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา รายได้เฉลี่ยของตู้ก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกด้วย
หลายคนอาจคิดว่า การทำธุรกิจนี้ถ้าอยากมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ก็แค่เพิ่มจำนวนตู้ให้มากขึ้น ก็จะทำให้รายได้เติบโต
ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ถูก แต่ก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด
เพราะ...ทีมผู้บริหารได้ชี้แจงว่า
"ในเมื่อเราเป็นเจ้าของช่องทางการขายอยู่แล้ว การสร้างโอกาสให้เกิดความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น สร้างทางเลือกที่มากขึ้น
ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ต้องขยายจำนวนตู้แต่เพียงอย่างเดียว
เราจึงเริ่มต้นทำสินค้าราคาประหยัดหรือ Budget Brand ที่เปิดรับทุก Partner เข้ามาร่วมสร้างสินค้าด้วยกัน”
จากซ้ายไปขวา: คุณสรัญภร ชินวุฒิพงศ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด, คุณภรัณยา รุจนพรพจี ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานสำนักงาน บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), คุณกชกร วชิรพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด
“จากผลสำรวจเราพบว่า พฤติกรรมของลูกค้าจะเลือกกดสินค้าแบรนด์หลักที่คุ้นเคยถึง 75% 
เช่น M150, คาราบาว, เนสกาแฟ, เป๊ปซี่, โค้ก, สปอนเซอร์ 
และอีก 25% ที่เหลือ ก็จะไม่ได้เลือกเฉพาะเจาะจง แต่เลือกสินค้าที่มีราคาคุ้มค่าแทนแล้วก็จะกลับไปเลือกแบรนด์หลักอีกครั้งตามสัดส่วนนี้ วนไปวนมาแบบนี้เสมอ”
จากโอกาสใน 25% นั้น จึงเป็นที่มาของแบรนด์ 6.11 โดยที่มาของชื่อนี้มาจากราคาขายสินค้าส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 6 - 11 บาท ซึ่งสินค้า 6.11 จะราคาถูกกว่าราคาตลาดอย่างน้อย 1-5 บาท และขายผ่านทางตู้ เวนดิ้งพลัส ทั่วประเทศ
ซึ่งปัจจุบันมีถึง 30 SKU โดยเริ่มต้นด้วยสินค้าประเภทเครื่องดื่ม เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง, น้ำผลไม้, เครื่องดื่มเกลือแร่, น้ำแร่ เป็นต้น
“ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแอ
เราผลิตสินค้าราคาประหยัดเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ลูกค้า”
แต่...การเป็นแบรนด์ใหม่แถมยังขายในราคาถูกนั้น อาจทำให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจ ในคุณภาพและความปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้ทีมผู้บริหารก็ชี้แจงให้ฟังอย่างชัดเจน
“เครื่องดื่มแบรนด์ 6.11 ทุกขวดผ่าน อย. และบริษัทที่เป็นผู้ผลิตให้แก่เรา มีทั้งที่เป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำในประเทศที่เราคุ้นเคยกันดีในท้องตลาด และแบรนด์น้องใหม่ SME ต่างๆ
เพราะฉะนั้นเครื่องดื่มแบรนด์ 6.11 มั่นใจได้ว่าปลอดภัย และรสชาติถูกปาก”
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ 6.11 มีราคาขายถูก เพราะเป็นการขายผ่านตู้กดสินค้าอัตโนมัติ
ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่า เมื่อเทียบกับการนำสินค้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อนั่นเอง
ที่น่าสนใจคือแนวคิดนี้ถูกเปิดกว้าง ซึ่งไม่ได้ถูกจำกัดแค่ต้องเป็นบริษัทลงทุนอย่างเดียว
แต่... SME รายเล็กๆ ที่ไม่สามารถนำสินค้าเข้าร้านสะดวกซื้อได้ ก็สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ 6.11 ได้
“ผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่มีความสามารถในการผลิตสินค้า แต่มีเงินทุนจำกัด เราก็อยากชวนเขามาร่วมทั้งผลิตสินค้าแบรนด์ 6.11 หรือจะนำสินค้าที่มีอยู่มาเข้าตู้กดสินค้าอัตโนมัติเราเลยก็ได้”
และหลังจากที่ได้นำเสนอแนวคิดนี้ไปให้กับ Partner ต่างๆภายในเวลา 2 เดือน
แนวคิดนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างเหลือเชื่อ
เพราะไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรายเล็กๆ ที่สนใจ
แต่ Partner ผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ดีของเราอยู่แล้วได้ใช้โอกาสนี้ในการเปิดตลาดให้กับแบรนด์ใหม่อีกทางด้วย
อย่างเช่น เมจิกฟาร์ม ก็ยังมาผลิตเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ 6.11 ร่วมกับเราเพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ถึงแม้ตัวเองจะมีสินค้าแบรนด์หลักขายในร้านสะดวกซื้อทั่วไปแล้วก็ตามที
หรือ โอสถสภา ที่ใช้ช่องทางนี้กับการเปิดตลาดเพิ่มให้กับกาแฟเอ็มเพรสโซสีทองเป็นต้น
ทีนี้ก็มาถึงเรื่องเซอร์ไพร์สมากกว่านั้น เพราะหลายคนคงคิดว่าแบรนด์ 6.11 คงจะมีแต่สินค้าเครื่องดื่มอย่างเดียว
แต่รู้หรือไม่ว่า บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด คิดที่จะทำสินค้าแบรนด์ 6.11 ให้เป็นมากกว่าเครื่องดื่ม
ซึ่งตอนนี้เตรียมที่จะมีสินค้าอย่างขนมขบเคี้ยว, ถุงยางอนามัย
ที่น่าสนใจก็คือ อนาคตเราอาจเห็น แชมพู, ยาสีฟัน, ครีมอาบน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้แบรนด์ 6.11 ที่มีราคาน่าซื้อและคุณภาพมาตรฐานในตู้กดสินค้าอัตโนมัติเวนดิ้งพลัส
และสารพัดสินค้า 6.11 เหล่านี้ในอนาคตก็จะสามารถกระจายครอบคลุมทั่วประเทศ
เพราะเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าคือ การเพิ่มจำนวนตู้เวนดิ้งพลัสให้มีมากถึง 1 แสนตู้
และสินค้าแบรนด์ 6.11 ก็จะถูกบรรจุอยู่ในตู้กดสินค้า เวนดิ้งพลัส
ซึ่งนั้นหมายความว่าหากเราผลิตสินค้าให้แก่แบรนด์ 6.11 ในอนาคตอันใกล้สินค้าของเราก็จะสามารถกระจายได้ทั่วประเทศเหมือนกัน ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาแต่ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่เพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต
มาถึงตรงนี้เราได้เห็นแล้วว่าในโลกธุรกิจเราไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่แค่ธุรกิจดั้งเดิมอย่างเดียว
แต่...เราสามารถคิดอะไรใหม่ๆ เพื่อมาต่อยอดธุรกิจนั้นให้มีความน่าสนใจ
และเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า  ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาคือโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น
เหมือนอย่างวันนี้ ที่ใครจะไปคิดว่าธุรกิจตู้กดสินค้าอัตโนมัติ เวนดิ้งพลัส
คิดจะต่อยอดธุรกิจตู้กดน้ำด้วยการสร้างแบรนด์สินค้า 6.11 เป็นของตัวเอง
ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่า เวนดิ้งพลัส คือ ทางเลือกใหม่สำหรับคนไทย  
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.