
สรุป 3 มาตรการ Facebook ป้องกัน “มิจฉาชีพ” หลอกผู้สูงวัย ให้โอนเงิน
22 ต.ค. 2025
ล่าสุด Facebook กำลังอัปเดตฟีเชอร์แจ้งเตือนรูปแบบใหม่ เพื่อป้องกันผู้สูงวัยถูกหลอกโอนเงินจากมิจฉาชีพโดยเฉพาะ
สาเหตุที่ Facebook อัปเดตฟีเชอร์นี้ก็เพราะ จากสถิติของ FBI’s Internet Crime Report บอกว่า
ในปี 2567 ผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกา ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนมากถึง 147,127 เคส คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 157,000 ล้านบาท
ขณะที่ช่วงอายุอื่น ๆ มีสถิติดังนี้
- ช่วงอายุ 50 - 59 ปี มี 84,540 เคส คิดเป็นความเสียหาย 82,000 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 40 - 49 ปี มี 112,755 เคส คิดเป็นความเสียหาย 72,000 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 30 - 39 ปี มี 108,899 เคส คิดเป็นความเสียหาย 46,000 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 20 - 29 ปี มี 71,399 เคส คิดเป็นความเสียหาย 17,700 ล้านบาท
- ช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี มี 17,993 เคส คิดเป็นความเสียหาย 738 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 50 - 59 ปี มี 84,540 เคส คิดเป็นความเสียหาย 82,000 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 40 - 49 ปี มี 112,755 เคส คิดเป็นความเสียหาย 72,000 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 30 - 39 ปี มี 108,899 เคส คิดเป็นความเสียหาย 46,000 ล้านบาท
- ช่วงอายุ 20 - 29 ปี มี 71,399 เคส คิดเป็นความเสียหาย 17,700 ล้านบาท
- ช่วงอายุต่ำกว่า 20 ปี มี 17,993 เคส คิดเป็นความเสียหาย 738 ล้านบาท
จากสถิติจะเห็นได้ว่า ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มีแนวโน้มถูกหลอกลวงจากผู้ไม่หวังดีสูงกว่าช่วงอายุอื่น ๆ อย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากความรู้ไม่เท่าทันมิจฉาชีพ
เพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวง ล่าสุด Facebook จึงได้อัปเดต 3 ฟีเชอร์ใหม่ ได้แก่
1. เพิ่มคำเตือนลงในแอปพลิเคชัน Messenger แจ้งว่า “แช็ตนี้เข้าข่ายเป็นมิจฉาชีพ”
ถ้ามีการเปิดใช้ฟีเชอร์ใหม่นี้ และมีบัญชีน่าสงสัยส่งข้อความที่อาจเป็นการหลอกลวงมาทางแอปพลิเคชัน Messenger
จะมีการเด้งข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาให้ว่า “แช็ตข้อความนี้น่าสงสัย โปรดระวัง คุณมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงิน”
รวมถึงมีตัวเลือกส่งแช็ตข้อความให้ AI ช่วยตรวจสอบว่า แช็ตนี้เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงหรือไม่
ซึ่ง AI ก็จะประเมินให้ว่า อีกฝ่ายเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ พร้อมบอกเหตุผลและคำแนะนำ เช่น
ตัวอย่างสัญญาณเตือน ในกรณีที่มิจฉาชีพหลอกว่ามีงานให้ทำ แต่จะมีเรื่องการโอนเงินให้กันเกี่ยวข้องด้วย เช่น
- ข้อเสนองานนี้มีการตกลงจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว
- มีการตกลงให้ทำงานจากที่บ้าน (Work from home) แต่ลักษณะงานไม่น่าทำเช่นนั้นได้
- มีการตกลงให้ทำงานจากที่บ้าน (Work from home) แต่ลักษณะงานไม่น่าทำเช่นนั้นได้
ตัวอย่างข้อแนะนำ เช่น
- ไม่ควรสนใจงานที่มี Job Description ไม่ชัดเจนว่าจะให้ทำอะไร หรือมีเงื่อนไขงานดูดีเกินจริง
- รายงานบทสนทนาที่น่าสงสัยนี้ว่า ขัดกับมาตรฐานชุมชนหรือไม่
- หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้คนแปลกหน้า
- รายงานบทสนทนาที่น่าสงสัยนี้ว่า ขัดกับมาตรฐานชุมชนหรือไม่
- หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้คนแปลกหน้า
นอกจากนี้ Facebook ก็มีทางเลือกให้ผู้ใช้งานเลือก 2 ทางคือ จะรายงานบัญชีนี้เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมน่าสงสัย หรือจะบล็อกบัญชีนั้นทิ้งไปก็ได้
2. เพิ่มฟีเชอร์ Passkey ให้เข้าสู่ระบบได้ปลอดภัยมากขึ้น
ใน Facebook และ Messenger จะมีการเพิ่มระบบ Passkey หรือการเข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลส่วนตัวแบบดิจิทัล ผ่านการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ใบหน้า หรือรหัส PIN ที่ใช้ปลดล็อกอุปกรณ์
ซึ่งระบบนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใช้งาน Facebook ได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
3. เพิ่มระบบ Security Checkup ช่วยตรวจสอบและให้คำแนะนำด้านความปลอดภัย
ใน Facebook และ Instagram มีการอัปเดตระบบ Security Checkup เพื่อตรวจสอบและดำเนินการด้านความปลอดภัยให้ครบถ้วน เช่น
- อัปเดตรหัสผ่านและการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน
- รับการแจ้งเตือน เมื่อมีอุปกรณ์พยายามเชื่อมต่อบัญชี
- สร้าง Passkey เพื่อยืนยันตัวตน ผ่านลายนิ้วมือหรือการสแกนใบหน้าแทนการใช้รหัสผ่าน
- รับการแจ้งเตือน เมื่อมีอุปกรณ์พยายามเชื่อมต่อบัญชี
- สร้าง Passkey เพื่อยืนยันตัวตน ผ่านลายนิ้วมือหรือการสแกนใบหน้าแทนการใช้รหัสผ่าน