สรุปเทรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ ในไทย ปี 2026 จาก Wisesight พร้อมวิธีเลือกใช้ ให้เหมาะกับแบรนด์

สรุปเทรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ ในไทย ปี 2026 จาก Wisesight พร้อมวิธีเลือกใช้ ให้เหมาะกับแบรนด์

20 ธ.ค. 2025
ล่าสุด Wisesight ผู้ให้บริการ Social Listening Tools เปิดเผยอินไซต์ เทรนด์ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ในไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 นี้
แล้วจะมีรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจบ้าง MarketThink สรุปให้อ่านเป็นข้อ ๆ ในโพสต์นี้
1. ปี 2025 เป็นปีที่อินฟลูเอนเซอร์ และครีเอเตอร์ เติบโตสูงมาก
จากอินไซต์ของ Wisesight พบว่า ปี 2025 เป็นปีที่อินฟลูเอนเซอร์เติบโตสูงมาก
โดยเฉพาะ TikTok ที่พบว่าอินฟลูเอนเซอร์ สามารถทำคอนเทนต์ โดยมี Engagement เฉลี่ยที่สูงกว่า Facebook ถึง 15 เท่า
ทำให้ TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับอินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ ที่เพิ่งเริ่มทำคอนเทนต์
อย่างไรก็ตาม แม้ TikTok จะมี Engagement เฉลี่ยที่สูงกว่า แต่การทำคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มอื่น ก็ยังคงมีความสำคัญ
เพราะ Wisesight พบว่า อินฟลูเอนเซอร์นิยมทำคอนเทนต์แบบ Cross-Platform หรือการลงคอนเทนต์หลายแพลตฟอร์ม โดยมีการปรับคอนเทนต์บางส่วน ให้เหมาะสมกับผู้ชมของแต่ละช่องทาง
2. ยอดผู้ติดตาม หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “ยอดฟอล” ไม่ได้สำคัญที่สุด ในการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์
จากอินไซต์ของ Wisesight พบว่า ในปี 2026 ที่จะถึงนี้ “ยอดฟอล” ของอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุด ในการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ของแบรนด์ต่าง ๆ อีกต่อไปแล้ว
เพราะการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ในแต่ละกลุ่ม ที่มีจำนวนผู้ติดตามแตกต่างกัน ให้ผลลัพธ์ทางการตลาด ที่แตกต่างกันไปด้วย
ทำให้สิ่งที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญ ในการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ ในปี 2026 ก็คือ การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีความเหมาะสมกับแบรนด์มากที่สุด ไม่ใช่เลือกอินฟลูเอนเซอร์ ที่มียอดฟอลเยอะ ๆ เพียงอย่างเดียว
โดย Wisesight สรุปมาให้แล้วว่า อินฟลูเอนเซอร์แต่ละกลุ่ม มีความเก่งไม่เหมือนกัน ดังนี้
- กลุ่ม Elite Influencer (จำนวนผู้ติดตาม มากกว่า 5 ล้านคน)
เป็นกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะกับ การสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีความพรีเมียม
- กลุ่ม Mega Influencer (จำนวนผู้ติดตาม 1-5 ล้านคน)
เป็นกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ ที่เก่งเรื่องการเข้าถึงคนจำนวนมาก มี Reach สูง จึงเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้อย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาสั้น ๆ
- กลุ่ม Macro Influencer (จำนวนผู้ติดตาม 5 แสน - 1 ล้านคน)
มีความโดดเด่นที่ความสามารถในการสร้างการเข้าถึงเป็นวงกว้าง และกระจายสินค้าให้ผู้คนรับรู้ จึงเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการทำการตลาดต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ
- กลุ่ม Mid-Tier Influencer (จำนวนผู้ติดตาม 1 แสน - 5 แสนคน)
มีความโดดเด่นที่ได้รับความไว้วางใจ และมีความใกล้ชิดกับผู้ติดตามสูง จึงเหมาะกับแบรนด์ หรือสินค้าที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ
- กลุ่ม Micro Influencer (จำนวนผู้ติดตาม 1 หมื่น - 1 แสนคน) และ Nano Influencer (จำนวนผู้ติดตาม 1 พัน - 1 หมื่นคน)
เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่กำลังมาแรง ได้รับความนิยมจากแบรนด์ต่าง ๆ เพราะสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทาง สามารถสร้าง Brand Loyalty และ Engagement ได้ดี
หรือหากสรุปแบบสั้น ๆ อีกครั้ง
- Elite และ Mega Influencer จะเก่งเรื่องการสร้างการรับรู้ และภาพลักษณ์ให้แบรนด์
- Micro และ Nano Influencer จะเก่งเรื่องสร้าง Engagement และความน่าเชื่อถือให้แบรนด์
ทำให้ในหนึ่งแคมเปญการตลาด แบรนด์อาจต้องพิจารณาใช้อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผู้ติดตามทั้งมากและน้อย รวม ๆ กันในแคมเปญเดียว
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาด ที่ครอบคลุมทุกช่วงของ Marketing Funnel
3. คอนเทนต์แบบไหน เหมาะกับแบรนด์
Wisesight ได้แบ่งคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ออกเป็น 5 รูปแบบหลัก โดยแต่ละแบบ เหมาะกับแบรนด์ในแต่ละประเภท ได้แก่
- คอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ เช่น คอนเทนต์ในชีวิตประจำวัน การท่องเที่ยว การแต่งกาย จะเหมาะกับแบรนด์แฟชั่น ท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์
- คอนเทนต์เกม เช่น คอนเทนต์แคสต์เกม และเล่นเกม เหมาะกับแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคน Gen Z หรือผู้ที่สนใจเกมเป็นหลัก
- คอนเทนต์ให้ความรู้ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ
- คอนเทนต์บันเทิง เช่น คลิปตลก ๆ เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้าง Engagement และเข้าถึงฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก
4. กลยุทธ์ Influencer Marketing ที่แบรนด์ประเภทต่าง ๆ ชอบใช้ ในปี 2026
และในข้อสุดท้าย Wisesight ได้สรุปแนวโน้มกลยุทธ์ Influencer Marketing ที่แบรนด์ประเภทต่าง ๆ ชอบใช้ ในปี 2026 ได้แก่
- แบรนด์ Cosmetic และ Skincare
เน้นกลยุทธ์การสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ จึงนิยมใช้อินฟลูเอนเซอร์ทำคอนเทนต์สอน หรือแนะนำวิธีการใช้สินค้าจริง
โดยใช้ทั้ง Mid-Tier, Micro และ Nano Influencer เพื่อทำคอนเทนต์ในปริมาณมาก เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดี
- แบรนด์ Automotive
แบรนด์ในกลุ่มนี้ นิยมใช้อินฟลูเอนเซอร์ “เฉพาะสาย” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อทำหน้าที่สื่อสารประสบการณ์การขับขี่ และเปรียบเทียบสินค้า
โดยใช้ทั้ง Micro Influencer, Mega Influencer รวมถึงดารา เพราะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ได้
- แบรนด์ Mobile และ Consumer Electronics
นิยมใช้อินฟลูเอนเซอร์ในสายเทคโนโลยี ทำคอนเทนต์ประเภทเกมมิง ถ่ายภาพ และรีวิว เพื่อนำเสนอคอนเทนต์แบบ “Profe of Use” หรือพิสูจน์การใช้งานจริง ให้กลุ่มเป้าหมายได้เห็นแบบชัด ๆ
- แบรนด์ Shopping Center และ Department Store
นิยมใช้อินฟลูเอนเซอร์ในสายรีวิวอาหาร และงานอิเวนต์ เพราะสามารถสร้างการรับรู้ได้ดี รวมถึงกระตุ้นให้เกิด Fear of Missing Out (FOMO) ได้
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.