รู้จักเจ้าของแบรนด์ “ช้างสามเศียร” ผู้ผลิตแป้งและเส้นหมี่ ที่มีรายได้ 3,000 ล้าน

รู้จักเจ้าของแบรนด์ “ช้างสามเศียร” ผู้ผลิตแป้งและเส้นหมี่ ที่มีรายได้ 3,000 ล้าน

16 ส.ค. 2021
ประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว เป็นอันดับที่ 1 ของโลก
โดยแป้งก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ ที่แปรรูปมาจากข้าว และยังเป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหารหลายชนิด
ซึ่งบริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด เจ้าของแบรนด์ ช้างสามเศียร และ ERAWAN BRAND (ตราเอราวัณ)
เป็นหนึ่งในผู้ผลิตแป้งรายใหญ่ของประเทศไทย และมีรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของ ช้างสามเศียร มีมาตั้งแต่ปี 2473 หรือเมื่อ 91 ปีที่แล้ว
โดยคุณชอไค แซ่จึง ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มาแสวงหาโอกาสใหม่ที่ประเทศไทย
คุณชอไค เล็งเห็นว่า ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย
จึงอยากนำวัตถุดิบซึ่งมีอย่างอุดมสมบูรณ์ในไทย มาทำให้เกิดประโยชน์และเพิ่มมูลค่าให้ได้มากที่สุด
จึงคิดค้นออกมาในรูปแบบของผลิตภัณฑ์จากข้าวต่าง ๆ
เช่น นำเมล็ดข้าวเจ้า และเมล็ดข้าวเหนียวหลากหลายสายพันธุ์ ที่ปลูกขึ้นในประเทศ
มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพระดับพรีเมียม
สุดท้ายจึงได้ก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัดชอเฮง ขึ้นมา
เพื่อนำข้าวมาเพิ่มมูลค่า ด้วยการแปรรูปเป็นเส้นหมี่ขาว
โดยมีโรงงานแรกตั้งอยู่ในเขตอำเภอปทุมวัน ฝั่งพระนคร หรือกรุงเทพมหานคร ในปัจจุบัน
และทำการผลิตเส้นหมี่เพียงอย่างเดียว ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราช้างสามเศียร” และ “ตราเอราวัณ”
จากนั้นกิจการก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 2502 ก็ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด
และย้ายฐานการผลิต ไปในพื้นที่ที่กว้างขึ้น นั่นคือ อ.สามพราน จ.นครปฐม
หลังจากที่ผลิตเส้นหมี่มายาวนาน ทางบริษัทก็ได้มองเห็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าสินค้าใหม่ ๆ นั่นคือ การผลิตแป้ง เนื่องจากแป้งเป็นสินค้าพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์หลาย ๆ อย่าง เช่น ในการทำขนม หรืออาหาร
และบริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด ยังกลายเป็นบริษัทแรกในประเทศไทย
ที่ได้มีการนำระบบอบแป้งให้แห้งด้วยลมร้อน มาผลิตแป้งข้าวเจ้า และแป้งข้าวเหนียว
ซึ่งผลที่ได้ก็คือ แป้งออกมามีคุณภาพดีได้มาตรฐานสม่ำเสมอ
จึงสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนสามารถส่งออกสินค้าไปประเทศอื่น ๆ ได้
กว่า 31 ประเทศทั่วโลก
ปัจจุบัน สินค้าของโรงเส้นหมี่ชอเฮง มีตั้งแต่ แป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวเหนียว, เส้นหมี่, เส้นก๋วยเตี๋ยว, แป้งข้าวสกัดโปรตีน, แป้งข้าวโมดิฟายด์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ทำจากข้าว ภายใต้แบรนด์ “ตราช้างสามเศียร” และ “ตราเอราวัณ”
ทีนี้ มาดูผลประกอบการ บริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด กันบ้าง
ปี 2562 รายได้ 3,708 ล้านบาท กำไร 300 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 3,717 ล้านบาท กำไร 187 ล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้ มาจากในประเทศไทยประมาณ 50% และต่างประเทศอีก 50%
ซึ่งทุก ๆ รายได้ 100 บาทของบริษัท จะเป็น
ต้นทุนสินค้า 83 บาท
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ 11 บาท
ดอกเบี้ยจ่ายและภาษี 1 บาท
กำไร 5 บาท
ถึงแม้ว่าในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากโควิด 19
อย่างไรก็ตาม หากมองในด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว จะพบว่า
ในปี 2563 การส่งออกผลิตภัณฑ์จากข้าวของประเทศไทย ขยายตัว 4.0%
และหากมาดูรายสินค้า พบว่า แป้งข้าวเหนียว ขยายตัว 13.8% ในขณะที่เส้นหมี่ก๋วยเตี๋ยว ขยายตัว 7.2%
ซึ่งสินค้า 2 ชนิดนี้ ก็เป็นหนึ่งในสินค้าหลักของ โรงเส้นหมี่ชอเฮง
นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นได้
นอกจาก โรงเส้นหมี่ชอเฮง จะขายแป้งแปรรูป ที่ใช้ในการประกอบอาหารแล้ว
ยังมีการนำแป้งมาแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วย เช่น
- บริษัท เอราวัณ ฟามาซูติคอล รีเซิช แอนด์ ลาบอราตอรี่ จำกัด
ที่ทำธุรกิจ นำแป้งข้าวเจ้าดัดแปรเพื่อใช้เป็นสารเพิ่มปริมาณยาเม็ด
- บริษัท เนอเชอร์แคร์ จำกัด ที่ทำแป้งเด็กจากแป้งข้าวเจ้า ภายใต้แบรนด์ ReisCare
โดยสร้างมูลค่าเพิ่มจากแป้งข้าวเจ้า ราคา 30 บาทต่อกิโลกรัม
สู่แป้งไฮโดรโฟบิก ราคา 1,200 บาทต่อกิโลกรัม
ด้วยการต่อยอดแป้ง ReisCare ให้สามารถช่วยดูดซับความมันและกลิ่นได้
ก็เป็นที่น่าสนใจว่าแป้ง สินค้าราคาหลักสิบ
แต่เมื่อนำมาผ่านกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มแล้ว
กลับทำรายได้ถึงหลักพันล้าน เลยทีเดียว..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.