คนเซิร์ช Google น้อยลง แบรนด์ต้องปรับตัวอย่างไร ? สรุปเช็กลิสต์ 7 ข้อ ไอเดียทำให้ AI เลือกคอนเทนต์แบรนด์เราไปตอบ จาก Content Shifu และ ANGA

ปัญหา Traffic หรือยอดการเข้าชมเว็บไซต์ลดลง เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่แบรนด์กำลังเจอ ในยุคที่ Generative AI อย่าง ChatGPT และ Gemini ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก

ส่งผลกระทบทั้งในด้าน Brand Visibility, Brand Awareness และ Conversion ที่แบรนด์เคยได้รับ จากการติดอันดับผลการค้นหาบนเซิร์ชเอนจินอย่าง Google

คำถามที่เกิดขึ้นคือ แล้วแบรนด์จะมีกลยุทธ์อย่างไร ให้ “คอนเทนต์” ของแบรนด์ ถูกดึงไปใช้เป็นคำตอบ ให้กับผู้ใช้งาน Generative AI ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ล่าสุด Content Shifu และ ANGA จัดงาน Webinar ในหัวข้อ “SEO + AI Search = The ASEO Win” เพื่อเปิดเผยเทคนิค ที่จัดการกับปัญหานี้โดยเฉพาะ

แล้วแบรนด์จะมีวิธีอย่างไร ให้ AI นำคอนเทนต์ของแบรนด์ไปแสดงในผลการค้นหา ?
MarketThink สรุปให้อ่านกันในโพสต์นี้

- ทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และ AI ก่อนเป็นอันดับแรก

โดยทั่วไปแล้ว พฤติกรรมการค้นหาข้อมูลด้วยเซิร์ชเอนจิน และ AI ของคนทั่วไป จะมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

หากเราค้นหาข้อมูลด้วยตัวเองบนเซิร์ชเอนจิน เรามักค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดสั้น ๆ เช่น “ที่เที่ยวกาญจนบุรี”

แต่ถ้าใช้ AI เรามักหาข้อมูลด้วยการพิมพ์ Prompt ที่เป็นประโยคยาว ๆ มากกว่า

เช่น “แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี เหมาะกับครอบครัว ใกล้น้ำตกไทรโยค” เพื่อให้ AI เข้าใจความต้องการ และแสดงคำตอบได้แบบครบถ้วน

เช่นเดียวกับ พฤติกรรมของ AI แต่ละตัวก็มีวิธีการเลือกแสดงคำตอบแตกต่างกัน เช่น

ChatGPT จะให้ความสำคัญกับข้อมูลที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ที่เป็น User Generated Content (UGC) หรือข้อมูลที่คนทั่วไปเป็นผู้สร้างขึ้น บนเว็บไซต์อย่าง Pantip หรือ Reddit และชอบแสดงคำตอบในเชิงเปรียบเทียบ และให้ข้อมูลมากกว่าที่ผู้ใช้ต้องการ (Over Information)

แต่ Gemini และฟีเชอร์ AI Overview และ AI Mode (ยังไม่เปิดให้บริการในไทย) ของ Google จะชอบข้อมูลที่มี Ranking ของ SEO บน Google ที่ดีอยู่แล้ว และชอบแสดงคำตอบในรูปแบบ Bullet ที่เข้าใจง่ายมากกว่า

นั่นหมายความว่า หน้าที่ของแบรนด์และนักการตลาด คือพยายามวิเคราะห์ว่า หาก AI ชอบข้อมูลที่แตกต่างกัน จะทำอย่างไรให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของแบรนด์ ถูก AI เลือกไปแสดงผล

- เช็กลิสต์ 7 ข้อ ทำ AEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ AI Search

1. ย้อนกลับไปทำ SEO ให้ดีก่อน เป็นอันดับแรก

แม้ว่าการมาของ Generative AI ทั้ง ChatGPT และ Gemini รวมถึงฟีเชอร์ AI Overview ของ Google จะทำให้ Traffic การเข้าชมเว็บไซต์ต่าง ๆ ลดลง

แต่จริง ๆ แล้ว หากเราต้องการทำให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์ถูก AI นำไปแสดงผล ก็ต้องเริ่มจากการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับผลการค้นหาบนเซิร์ชเอนจินให้ดีก่อน เป็นอันดับแรก

เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า AI อย่าง Gemini และฟีเชอร์ AI Overview ของ Google มักนำผลการค้นหามาจากเว็บไซต์ที่ทำ SEO ดี ๆ อยู่แล้วมาตอบ

ซึ่งการทำ SEO บนเว็บไซต์นั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงคีย์เวิร์ด หรือคำค้นหา ที่คนจะใช้เซิร์ชกันแล้ว ยังต้องคำนึงถึง

- ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ต้องดาวน์โหลดเร็ว มีความปลอดภัย

- ไม่มีหน้าเสีย หรือลิงก์เสีย บนเว็บไซต์

- เว็บไซต์ E-Commerce ต้องทำ Google Merchant Center เพื่อเพิ่มโอกาสให้ AI ของ Google นำสินค้าไปแสดงผล

- อย่าลืมกำหนดเงื่อนไข อนุญาตให้ AI เข้ามาที่เว็บไซต์ได้ ผ่านไฟล์ Robots.txt

2. ทำ SXO (Search Experience Optimization) ให้ดี

นั่นคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ผ่านการออกแบบ UX และ UI เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion ให้มากกว่าเดิม

ทำให้แม้จะมี Traffic หรือจำนวนคลิกที่เข้ามายังเว็บไซต์น้อยลง แต่ก็เป็น Traffic หรือคลิกที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

3. อย่าลืมดูปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ (External Signal)

ในข้อนี้เป็นองค์ประกอบที่หลายคนมองข้ามไป เพราะเป็นปัจจัยภายนอก แต่มีความสำคัญ เพราะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์

โดยตัวอย่างปัจจัยภายนอกที่ต้องให้ความสนใจ เช่น

- รีวิวที่เกี่ยวข้องกับเรา บนเว็บไซต์ของคนอื่น

- ความสม่ำเสมอบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของแบรนด์

- การถูกนำไป Listing บนเว็บไซต์อื่น ๆ หรือบน Wikipedia

เพราะ AI ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่บนเว็บไซต์ของเรา แต่ให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องในภาพรวมด้วย

4. การทำ Backlink ยังมีความสำคัญ

Backlink หมายถึง การที่เว็บไซต์ของเรา และเว็บไซต์อื่น ๆ มีการทำลิงก์ไปหากันและกัน

ซึ่งการที่เว็บไซต์ของเรา มี Backlink จากเว็บไซต์คุณภาพสูงกลับมาหา เป็นเทคนิคปกติที่ใช้ในการทำ SEO เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา

นอกจากนี้ ยังมีการทำ Backlink สำหรับ AI โดยเฉพาะ ที่ทำได้โดยการเขียนคอนเทนต์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ของเราบนเว็บไซต์อื่น ๆ

เช่น คอนเทนต์ “แนะนำ 10 แบรนด์ทางด้าน XXX” แต่เน้นที่การพูดถึงและเชียร์แบรนด์ตัวเอง แล้วสร้าง Backlink กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา

5. จัดระเบียบโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ดี

คือ การออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์ด้วยการจัดกลุ่มเนื้อหา ที่เป็นประเภทเดียวกันเข้าด้วยกันผ่าน Internal Link และไม่โยงเนื้อหาอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จัดประเภทไว้เข้าด้วยกัน

ทำให้ทั้ง AI และคนทั่วไปที่เข้ามายังเว็บไซต์ สามารถเข้ามาแล้วใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น

รวมถึงต้องทำ Schema Markup ซึ่งเป็นโคดหลังบ้านของเว็บไซต์ ในทุก ๆ หน้า และทุก ๆ คอนเทนต์ เพื่อให้ AI ตรวจจับได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานการทำ SEO แบบเดิมอยู่แล้ว

6. ทำคอนเทนต์คุณภาพดี เป็นเรื่องสำคัญไม่เคยเปลี่ยน

เน้นการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพดี แม้จะมีปริมาณน้อย โดยมีหลักการการทำคอนเทนต์คือ E-E-A-T ตามคู่มือของ Google

ซึ่งประกอบไปด้วย

- Experience คอนเทนต์ที่สร้างขึ้น จากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียน

- Expertise คอนเทนต์ที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริง

- Authoritativeness เว็บไซต์ต้องมีชื่อเสียง มีอิทธิพลในวงการนั้น ๆ ผ่านการอ้างอิงจากผู้อื่น

- Trustworthiness คอนเทนต์มีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ เว็บไซต์มีความปลอดภัย และแหล่งอ้างอิงที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ทำคอนเทนต์ประเภท Q&A หรือ FAQ (Frequently Asked Questions) ให้มากขึ้น เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ AI สามารถนำไปใช้อ้างอิงต่อ และเลือกไปแสดงผลได้ง่าย

7. ทำ Prompt Research นอกเหนือจาก Keyword Research

จากเดิมที่เคยทำ Keyword Research เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดใด มีปริมาณการค้นหาสูง เพื่อใช้วางแผนการทำคอนเทนต์ หรือ SEO

ต้องเปลี่ยนเป็นการทำ Prompt Research เพื่อดูว่าผู้ใช้ AI มีการค้นหาข้อมูลด้วย Prompt (คำสั่ง) แบบใดบ้าง

รวมถึงทำความเข้าใจ Mechanic ที่อยู่เบื้องหลังการแสดงคำตอบต่าง ๆ ของ AI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Gemini, Perplexity หรือ AI อื่น ๆ

ทั้งหมดนี้ก็คือ เช็กลิสต์ 7 ข้อ สำหรับการทำ AEO เพื่อทำให้เว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของแบรนด์ ถูก AI นำไปแสดงผล ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่แบรนด์และนักการตลาดควรจับตามองให้มากขึ้น

จากการเติบโตของ Generative AI ทั้ง ChatGPT และ Gemini รวมถึงฟีเชอร์ AI ของ Google ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทบต่อ Traffic การเข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์

อ้างอิง :
- Webinar “SEO + AI Search = The ASEO Win” ของ Content Shifu และ ANGA