สรุปวิธีดูอินไซต์ หลังบ้าน Facebook พร้อมอธิบายตัวชี้วัดแต่ละตัว แบบเข้าใจง่าย ๆ

เจ้าของแบรนด์ นักการตลาด ครีเอเตอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ นอกจากจะทำคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้ว ก็ควรติดตามดูข้อมูลเชิงลึกของเพจและคอนเทนต์ด้วยว่า ผลตอบรับเป็นอย่างไร

แต่คำถามก็คือ แล้วแต่ละแพลตฟอร์ม ต้องดูข้อมูลอะไรบ้าง ?

บทความนี้ MarketThink จะมาแชร์วิธีการดูหลังบ้านของ Facebook ให้ดูกันว่า สามารถดูอินไซต์อะไรได้บ้าง มีตัวชี้วัดสำคัญ ๆ อะไรบ้าง และจะต้องปรับปรุงคอนเทนต์ของเราอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

______________________

- วิธีเข้าดูข้อมูลเชิงลึกใน Facebook สามารถเข้าดูได้หลายวิธี ได้แก่

1. กดเข้าไปดูในเมนูชื่อว่า “แดชบอร์ดมืออาชีพ” หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Professional Dashboard” โดยตรง

2. กดเข้าไปดูใต้โพสต์ตรงคำว่า “ดูข้อมูลเชิงลึกและโฆษณา” หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า “See Insights and Ads” จากนั้นสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมได้ที่ Professional Dashboard

3. กดเข้าไปดูผ่านเครื่องมือจัดการธุรกิจที่ชื่อว่า Meta Business Suite แล้วเลือกเมนู “ข้อมูลเชิงลึก”

ซึ่ง MarketThink แนะนำว่า ถ้าต้องการดูข้อมูลเชิงลึกแบบละเอียด ควรกดเข้าไปดูในเครื่องมือ Meta Business Suite จะดีที่สุด

แต่ถ้าต้องการดูข้อมูลเชิงลึกแบบคร่าว ๆ ก็สามารถกดไปดูใน Professional Dashboard ได้เช่นกัน

______________________

- ตัวชี้วัดสำคัญ ๆ ใน Meta Business Suite

1. ยอดดู (View)

หมายถึง จำนวนครั้งที่มีคนเข้ามาดูคอนเทนต์ ซึ่งรวมถึงการดูซ้ำด้วย และยิ่งตัวชี้วัดนี้สูง ก็ยิ่งแสดงว่า คอนเทนต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้นตามไปด้วย

2. การเข้าถึง (Reach)

หมายถึง จำนวนบัญชีที่เข้าถึงเนื้อหาคอนเทนต์ ซึ่งแตกต่างจาก View ตรงที่ แม้จะมีการเข้ามาดูคอนเทนต์ซ้ำหลายครั้ง ก็จะนับเป็น 1 บัญชีเท่านั้น

และยิ่งตัวชี้วัดนี้สูง ก็ยิ่งแสดงว่า คอนเทนต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้นเช่นเดียวกัน

3. การโต้ตอบ (Engagement)

หมายถึง จำนวนการกดถูกใจ แสดงความรู้สึก บันทึก แสดงความคิดเห็น แชร์ และอื่น ๆ

ข้อมูลในส่วนนี้ ถ้าเรากดเข้าไปดูในเมนู “เนื้อหา” จะเห็นข้อมูลเชิงลึกที่ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์กับเราทั้งหมด ได้แก่

- ชื่อ, ประเภท และวันที่เผยแพร่
- ยอดดู (View)
- การเข้าถึง (Reach)
- การโต้ตอบ (Engagement)
- การกดถูกใจและความรู้สึก
- ความคิดเห็น
- การแชร์
- การบันทึก
- การตอบกลับ
- การแตะสติกเกอร์
- การคลิกลิงก์
- เวลาในการรับชม
- เวลาในการรับชมโดยเฉลี่ย

ซึ่งยิ่งตัวชี้วัดนี้สูงแสดงว่า คอนเทนต์ของเรากระตุ้นให้ผู้ชมมีการโต้ตอบกลับได้ดี ซึ่งมีส่วนทำให้อัลกอริทึมนำส่งคอนเทนต์ของเราให้ผู้ชมเห็นมากยิ่งขึ้นไปอีก

แต่ถ้าตัวชี้วัดนี้ต่ำ ก็อาจหมายถึงว่า เราต้องปรับปรุงคอนเทนต์ให้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ชมมากขึ้น เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกว่า คอนเทนต์นั้น ๆ เป็นเรื่องราวใกล้ตัว และอยากมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับแอดมินหรือผู้ชมคนอื่น ๆ

4. การติดตาม (Follow)

หมายถึง จำนวนครั้งที่บัญชีอื่นติดตามบัญชีหรือเพจของเรา

5. วิดีโอและคลิป Reels

หมายถึง ส่วนที่แสดงข้อมูลเชิงลึกของวิดีโอและคลิป Reels โดยเฉพาะ

ซึ่งมีตัวชี้วัดที่น่าสนใจ ได้แก่

- การรับชมนาน 3 วินาที
คือ จำนวนครั้งที่มีการเล่นวิดีโอและคลิป Reels อย่างน้อย 3 วินาที

ยิ่งตัวชี้วัดนี้สูง แสดงว่า ช่วงต้นของวิดีโอหรือคลิป Reels ของเราน่าดึงดูด ทำให้ผู้ชมรับชมคลิปวิดีโอต่อและไม่ปัดทิ้งไปก่อน

แต่ถ้าตัวชี้วัดนี้ต่ำ แสดงว่า การเปิดวิดีโอของเรายังดีไม่พอ

ซึ่งวิธีการแก้ไขง่าย ๆ คือ ให้ปรับปรุงวิธีการเปิดคลิปด้วย Hook แบบเด็ด ๆ ที่กระตุ้นความสนใจของผู้ชมได้ เช่น “3 วิธีรับมือเพื่อนร่วมงานสุด Toxic”, “รวม 10 ที่เที่ยวโตเกียว ห้ามพลาด !!”

- การรับชมนาน 1 นาที คือ จำนวนครั้งที่มีการเล่นวิดีโอและคลิป Reels อย่างน้อย 1 นาที

ยิ่งตัวชี้วัดนี้สูง แสดงว่า คลิปของเราในช่วง 1 นาทีแรกมีความน่าสนใจ และดึงดูดให้ผู้ชมดูต่อเนื่องจนครบ 1 นาทีได้สำเร็จ และไม่ปัดทิ้งไปก่อน

แต่ถ้าตัวชี้วัดนี้ต่ำ แสดงว่า เนื้อหาภายในวิดีโอไม่ชวนให้ดูต่อ อาจจะเพราะไม่ตรงกับหัวข้อ (Clickbait), เนื้อหายืดเยื้อ ไม่กระชับ ไม่ตรงประเด็น หรือมีการขายของแบบ Hard Sell มากเกินไปก็ได้

ซึ่งวิธีแก้ไขง่าย ๆ คือ อาจลองปรับให้เนื้อหากระชับ น่าสนใจมากขึ้น ใช้น้ำเสียงการพูดที่ชวนฟัง หรือใช้การตัดต่อเข้ามาช่วยให้คลิปน่าสนใจมากขึ้น

และถ้าเป็นคลิปขายของ ก็อย่าขายสินค้าตรง ๆ แต่สามารถใช้ Storytelling หรือการเล่าเรื่องของสินค้า เช่น เล่าว่าสินค้าของเรา เข้าไปช่วยแก้ Pain Point หรือสร้างความสะดวกสบายอะไรให้ลูกค้าได้บ้าง

6. การส่งข้อความ

หมายถึง จำนวนบัญชีที่ส่งข้อความถึงเพจ (ธุรกิจ) เป็นครั้งแรก

อ้างอิง :
- หน้า Professional Dashboard
- เครื่องมือจัดการธุรกิจ Meta Business Suite