สรุปเทคนิค เปิดคลิปสั้นด้วย “Hook” 3 แบบ ให้ขายของได้ ยอดวิวดี จาก Facebook

ปัจจุบันคนรุ่นใหม่รับชมคอนเทนต์ด้วยความเร็วที่มากกว่าในอดีตถึง 3 เท่า

คลิป Reels ที่ดี จึงต้องดึงดูดให้ผู้ชมสนใจภายในไม่กี่วินาทีแรก เพราะในช่วงเวลานั้น ผู้ชมยังใช้สัญชาตญาณในการตัดสินใจว่า จะชมคลิปนั้นต่อหรือไม่

โดยข้อความ ภาพ และเสียงที่ดึงดูดและรักษาความสนใจของผู้ชมในช่วงไม่กี่วินาทีแรกของวิดีโอ ในทางการตลาดจะเรียกว่า “Hook” นั่นเอง

ซึ่งล่าสุด Meta ก็ได้แชร์เทคนิค วิธีเปิดคลิป Reels ให้ Hook ให้ผู้ชมหยุดดูตั้งแต่ 3 วินาทีแรก มาให้ครีเอเตอร์ทุกคนได้ลองเอาไปปรับใช้กัน

แล้วเทคนิคเปิดคลิปให้ Hook ตั้งแต่ 3 วินาทีแรก มีอะไรบ้าง ?

1. Hook แบบให้คำมั่นสัญญาถึงคุณค่า

คือ การเน้นถึงประโยชน์ที่ผู้ชมเป็นหลัก ว่าจะได้รับอะไรหลังจากได้ดูคลิป Reels ไปแล้ว

ตัวอย่างเช่น

- แบรนด์ KiwiCo แบรนด์ของเล่นเสริมพัฒนาการใช้ Hook ว่า “มาดูความสุขของเด็ก ๆ หลังจากเล่นของเล่นกัน”

และคลิปอื่น ๆ ก็จะ Hook ด้วยประโยคเกี่ยวกับความตื่นเต้นที่ได้แกะกล่องของเล่น ความสุข ความผูกพันของผู้ปกครองกับลูก ซึ่งทำให้ผู้ชมได้เห็นการเล่นอย่างสนุกสนานจริง ๆ มากกว่าแค่การขายของเล่นเด็ก

ซึ่ง Hook ของ KiwiCo ทำให้ผู้ชมหยุดดูได้จริง ๆ และขายสินค้าได้ ทำให้สามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนโฆษณา (ROAS) เพิ่มขึ้น 30% และมีต้นทุนต่อการสั่งซื้อ (Cost per Purchase) ต่ำลง 27%

2. Hook แบบแสดงความชัดเจน

คือ การบอกผู้ชมอย่างตรงไปตรงมาว่า จะได้เห็นและรู้อะไร ซึ่งจะสร้างความคาดหวังและนำไปใช้ได้จริง

ตัวอย่างเช่น

- แบรนด์ Castlery แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นสร้าง Hook ว่า “มาดูวิธีเปลี่ยนบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Castlery กัน”

Hook นี้ ทำให้ผู้ชมได้รู้วิธีการตกแต่งบ้านที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่การขายสินค้า
โดยกลยุทธ์นี้ ทำให้ผู้ชมหยุดดูคลิปสั้นและขายสินค้าได้ รวมทั้งต้นทุนขายต่อชิ้นลดลงถึง 78%

3. Hook แบบใช้คำถามหรือคำเชิญชวน

เป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและเชิญชวนให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ตัวอย่างเช่น

- แบรนด์ด้านการเงิน อาจตั้งคำถามว่า “ถ้าประหยัดเงินได้มากขึ้น 3,000 บาท/เดือน จะเอาไปทำอะไร”

- แบรนด์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาจขึ้น Hook ว่า “ถ้าบินไปที่ไหนก็ได้ จะไปไหนดี”

- แบรนด์ Mapfre ผู้ให้บริการประกันภัยระดับโลก เอากลยุทธ์ขึ้น Hook แบบตั้งคำถามมาใช้กับคลิป Reels ของตัวเอง และครีเอเตอร์ที่ร่วมงานด้วย

โดยสร้างสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และทำให้เรื่องประกันภัยเข้าถึงง่าย พร้อมทั้งถามคำถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามว่า ตัวเองเข้าใจประกันภัยดีแค่ไหน

นอกจากนี้ Meta ก็เสนอให้ครีเอเตอร์ นักการตลาด และแบรนด์ลองใช้ฟีเชอร์ A/B Testing เพื่อทดสอบ Hook แต่ละแบบที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อดูว่าเวอร์ชันไหนดึงดูดและสร้างเอนเกจเมนต์ได้ดีมากกว่า

ใส่เสียงเพลงหรือเสียงบรรยายลงในคลิป Reels ช่วยเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 13%

และอย่าลืมตรวจดูตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น เวลาในการรับชม อัตราการคลิก และ Conversion Rate ด้วย