รู้จัก “EntoMilk” นมที่ผลิตจาก ตัวอ่อนของแมลง และถูกนำมาผลิตไอศกรีม

ปัจจุบันมีนมทางเลือกมากมาย สำหรับคนที่ไม่ต้องการบริโภคหรือแพ้นมวัว
เช่น นมอัลมอนด์, นมพิสตาชิโอ, นมข้าว และนมถั่วเหลือง

แม้กระทั่งล่าสุด ก็มี NotCo สตาร์ตอัปที่ผลิตนมจากสับปะรดและกะหล่ำปลีด้วย
โดยบริษัทเคลมว่ามีรสชาติคล้ายนมวัว และให้คุณประโยชน์ที่ครบถ้วน

แต่ทุกอย่างที่กล่าวมาคงดูธรรมดา เมื่อเทียบกับ “EntoMilk” นมทางเลือกใหม่
นมที่ผลิตจากตัวอ่อนหนอนแมลงวันลาย ซึ่งให้คุณค่าทางอาหาร เช่น โปรตีนสูงกว่านมวัวถึง 5 เท่า

และปัจจุบัน EntoMilk ยังถูกนำมาผลิตไอศกรีม วางขายทั่วประเทศแอฟริกาใต้อีกด้วย

อะไรคือแรงบันดาลใจ ให้นำแมลงมาผลิตเป็นนม ?

การจะหาคำตอบของสิ่งนี้ คงต้องไปดูจุดประสงค์ของ Leah Bessa หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Gourmet Grubb แบรนด์ไอศกรีม สัญชาติแอฟริกาใต้ และผู้คิดค้น EntoMilk

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ Bessa ที่ศึกษาด้าน Food Science หรือวิทยาศาสตร์การอาหาร
เธอรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการนำแมลงมาเป็นอาหารทางเลือกของมนุษย์ในยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงติดปัญหาอยู่ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้คุ้นชินกับการรับประทานแมลงมากนัก แม้ว่าจะมีสถิติบอกว่ามนุษย์ทั่วโลกบริโภคแมลงมากกว่า 1,900 สายพันธุ์ไปแล้วก็ตาม

Bessa จึงทำการศึกษาค้นคว้าและวิจัย จนหารูปแบบของการดัดแปลงแมลงที่เหมาะสม
นั่นคือ การแปรรูปแมลงให้กลายเป็นนม

เพราะจะได้ลดเนื้อสัมผัสที่ปกติมีลักษณะสาก ๆ
และข้อดีอีกอย่างคือ นมสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายรูปแบบ

แล้ว EntoMilk มีความน่าสนใจอย่างไร นอกจากที่มาของตัวมันเอง

ในแง่สารอาหาร นอกจากโปรตีนที่กล่าวไปว่าสูงกว่านมวัวถึง 5 เท่าแล้ว
ยังมีสารอาหาร เช่น แคลเซียม, สังกะสี และธาตุเหล็ก ในระดับที่สูงกว่านมทั่วไป

นอกจากนี้ นมจากแมลงยังปราศจากแล็กโทส, กลูเทน และน้ำตาลด้วย
ซึ่งก็คงพอสรุปได้ว่า EntoMilk เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

หากมามองในแง่ของสิ่งแวดล้อมต่อ ก็พบว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้กันเลย

เพราะการเลี้ยงหนอนแมลงวันลาย ใช้น้ำ, อาหาร และพื้นที่เพียงเล็กน้อยมาก
รวมถึงการผลิตก๊าซเรือนกระจก ก็มีเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย เมื่อเทียบกับการผลิตนมประเภทอื่น ๆ

ข้อดีอีกอย่างคือ เมื่อใช้พื้นที่น้อย ก็สามารถเพาะเลี้ยงแมลงในตัวเมืองได้เลย
ไม่ต้องมีการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในการขนส่งเช่นเดียวกับนมวัว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมของนมจากแมลง จะมีความน่าสนใจ แต่ Bessa มองว่ายากที่จะเชิญชวนให้คนหันมารับประทาน
เธอจึงนำ EntoMilk มาผลิตไอศกรีมแทน เพื่อเปลี่ยนมุมมองของผู้คนให้เปิดใจกับแมลงกันมากขึ้น

โดยเธอได้ร่วมมือกับเพื่อนอีก 2 คนคือ Jean Louwrens และ Llewelyn de Beer สำหรับสร้าง Gourmet Grubb แบรนด์ไอศกรีมที่ทำจากนมแมลงนั่นเอง

ซึ่งไอศกรีมของ Gourmet Grubb ก็มีกรรมวิธีการผลิตในลักษณะเดียวกันกับไอศกรีมสไตล์เจลาโตทั่วไป
เพียงแต่ใช้ EntoMilk แทนนม รวมถึงใช้น้ำผึ้งและส่วนผสมจากธรรมชาติเท่านั้นในการปรุง

ปัจจุบันไอศกรีมมีหลายรสชาติให้เราสามารถเลือกได้ ตั้งแต่ ดาร์กช็อกโกแลต, เนยถั่ว, ลาเต้, สตรอว์เบอร์รี, วานิลลา, ชาร์โคล จนไปถึงรสกล้วย

ถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจสงสัยว่า รสชาติของไอศกรีมที่ทำมาจากนมแมลง แตกต่างอย่างไรจากไอศกรีมทั่วไป

จากรีวิวบอกว่า ไอศกรีมของ Gourmet Grubb มีรสชาติที่เข้มข้นกว่า เนื่องจากเนื้อของนมจากแมลงบางเบากว่านมจากสัตว์ ส่งผลให้ช่วยชูรสชาติของไอศกรีมได้โดดเด่นยิ่งขึ้น

และด้วยรสชาตินี้เอง จึงทำให้ผู้คนเริ่มเปิดใจกับการรับประทานไอศกรีมที่มีส่วนผสมของแมลง

อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้ก่อตั้ง Gourmet Grubb ไม่ได้ต้องการแค่ขายไอศกรีมเท่านั้น แต่มีเป้าหมายให้ผู้คนหันมารับประทานแมลงแทนเนื้อสัตว์อื่น มากขึ้นในอนาคต

บริษัทจึงเริ่มทดลองขยายไปสู่อาหารประเภทอื่น ๆ นอกจากไอศกรีม
ได้แก่ พาสตาผงแมลง, โครเกตต์ตัวอ่อน และฮัมมูสหนอน

สำหรับใครที่อยากลองชิม ก็คงต้องอดใจรอไปก่อน เพราะปัจจุบัน Gourmet Grubb ยังวางขายเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้เท่านั้น..

อ้างอิง :
-https://crushmag/-online.com/first-insect-milk-ice-cream-gourmet-grubb/
-https://edition.cnn.com/2019/07/25/business/gourmet-grubb-insect-ice-cream-intl/index.html
-https://gourmetgrubb.com/
-https://food.ndtv.com/news/this-environment-friendly-ice-cream-made-from-insects-is-going-viral-will-you-try-it-2170453