กรณีศึกษา โซดาสิงห์ ทำอย่างไร ถึงซ่าได้ยืนหนึ่ง ในทุกยุคสมัย

ในตลาดโซดาที่มีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท
“โซดาสิงห์” นับเป็นหนึ่งแบรนด์สำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดโซดาในเมืองไทยให้มีสีสันอยู่ตลอดเวลา

ตรงนี้เองที่ทำให้ “โซดาสิงห์” เป็นแบรนด์ที่สามารถนั่งอยู่ในใจผู้บริโภค
ได้อย่างยาวนานหลายสิบปี ถึงแม้จะมีโซดาขวดใหม่ ๆ เกิดขึ้นในตลาด

เรื่องนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะสินค้าอย่างโซดา เมื่อมองดูภายนอกก็แทบไม่แตกต่างกัน
แล้วทำไมพอเอ่ยถึง “โซดา” ชื่อของ “สิงห์” แทบจะกลายเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่คนนึกถึง

เหตุผลก็เพราะ เมื่อผู้บริโภคที่ได้สัมผัสรสชาติ ต่างยอมรับในความ “ซ่า” ที่เป็นเอกลักษณ์
จึงไม่แปลกที่สโลแกน “ทุกหยดซ่า โซดาสิงห์” ยังดูทรงพลังตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้

โซดาสิงห์ ทำอย่าไร ถึงก้าวมาสู่จุดนี้
คำตอบก็คือ การไม่หลงระเริงกับความสำเร็จ พร้อมพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน

คุณเต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด
ผู้ผลิตโซดาสิงห์ เลือกวิธี “ดิสรัปต์ตัวเองตลอดเวลา” เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

สิงห์เชื่อว่าการ “พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง” ในแง่ของคุณภาพ
ทำให้สามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยแนวคิดการผลิตโซดาสิงห์ คือ ไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องคุณภาพที่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

คำถามก็คือ แล้วทำไมโซดาสิงห์ถึงต้องดิสรัปต์ตัวเอง ?

เคยสังเกตบ้างไหม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน แต่ทำไมเรายังรู้สึกว่า โซดาสิงห์
เป็นแบรนด์ที่ทันสมัย ไม่ตกยุค

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้แก่ฝ่ายที่วางกลยุทธ์การตลาด
ที่สามารถบิวด์แบรนด์ “โซดา สิงห์” ให้ดูเท่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ทุกยุคสมัย
แถมยังผสมผสานการสื่อสาร เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของตัวเอง
ในเรื่อง ความซ่า ที่เป็นหนึ่งผ่านแคมเปญและกิจกรรมการตลาด

โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา โซดาสิงห์ พยายามร่วมเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจ
ส่งต่อให้ผู้คนที่มีความตั้งใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้บรรลุเป้าหมายในความสำเร็จของชีวิต
และไปให้สุดทางในแบบฉบับของตัวเอง

ที่สำคัญกิจกรรมการตลาดต่างๆ จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย
และด้วยวิธีคิดนี้เองก็เลยทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีความผูกพันกับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

อย่างที่คนจดจำกันดีก็คือ แคมเปญ “Singha Soda Battle of the Year Thailand”
หนึ่งในแคมเปญที่โซดาสิงห์เคยจัดขึ้นมายาวนาน ที่เป็นการแข่งขันดนตรีฮิปฮอป
ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย โดยโซดาสิงห์จับกระแสวัฒนธรรมเพลงฮิปฮอปที่เริ่มเข้ามาสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมให้กับวัยรุ่นไทยในสมัยนั้น เพื่อช่วยขยายฐานผู้บริโภคไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น

เมื่อ “ความซ่า” เป็นสิ่งที่ โซดาสิงห์ เลือกนำไปเชื่อมโยงกับชีวิตและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และสร้างจุดยืนของแบรนด์ให้ชัดเจนขึ้นแล้วนั้น

ในฐานะของแบรนด์โซดาที่ไม่เคยหยุดซ่า สิงห์ยังนำเสนอความซ่า ผ่าน “แบรนด์ไอคอน”
ที่เชื่อในความกล้าคิด กล้าทำ กล้าที่จะออกนอกกรอบ
เพื่อนำมาสู่ความคิดสร้างสรรค์ในการมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน ก็ยังรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของตัวเองชื่นชอบแบรนด์ที่มีความสดใหม่ตลอดเวลา
เลยนำมาสู่การเลือกคุณ โต้ง-พิทวัส พฤกษกิจ หรือ โต้ง-ทูพี
แรปเปอร์สุดซ่าชื่อดังของเมืองไทย ที่มีภาพลักษณ์เข้ากับแบรนด์มาเป็น “พรีเซนเตอร์”

อีกหนึ่งความพีกที่ต้องพูดถึงก็คือ ใครจะคิดว่า โซดาสิงห์ จะทำแคมเปญร่วมกับคนดังระดับโลก
ซึ่งเป็นการไม่ลิมิตตัวเองอยู่ในกรอบเดิม ๆ เพื่อให้แบรนด์ดังไปไกลระดับโลก

อย่างแคมเปญที่สะท้อนความเป็น World Class ของแบรนด์ที่ยืนหนึ่งเรื่องความซ่าได้เป็นอย่างดี
คือ โปรเจกต์ “Singha Soda Water x Mister Cartoon”
ด้วยการดึง Mister Cartoon ศิลปินช่างสักแถวหน้า ที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก
มาร่วมออกแบบลวดลายบนขวดโซดาสิงห์
เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ และเก็บสะสมผลงานของศิลปินระดับโลก

ที่ผ่านมาไม่นานกับ Talk of The Town ในโลก Social Media
เมื่อมือกลองระดับโลกอย่าง Travis Barker แห่งวง Blink-182
โพสต์ภาพที่สวมเสื้อที่มีโลโก้ โซดาสิงห์ จนถึงคุณโซมี ศิลปินชาวเกาหลีใต้ ที่เลือกดื่มโซดาสิงห์

ล่าสุดกับแคมเปญส่งท้ายปลายปี ที่จับมือกับ Dry Clean Only แบรนด์สตรีตแวร์สัญชาติไทย
ผลิตคอลเลกชันพิเศษเสื้อ Limited Edition เช่น แจ็กเก็ต, เสื้อกันหนาว, เสื้อยืด
ซึ่งแต่ละชิ้น นอกจากจะมีโลโกแบรนด์โซดาสิงห์
ก็ยังผสานกับไอเดียที่สดใหม่ของ Dry Clean Only
จนออกมาเป็นคอลเลกชันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็น One Of A Kind

ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากวางขายไปพร้อมกันทั่วโลก ผ่านช่องทาง https://singhasodacollection.com
เรียกว่าเป็นอีกก้าวสำคัญส่งท้ายปีของโซดาสิงห์ ที่ยังส่งต่อความซ่าไม่หยุด

ทีนี้คงพอจะเห็นภาพแล้วว่า โซดาสิงห์ ทำอย่างไร
ถึงกลายเป็นแบรนด์ที่ยังคงความซ่าได้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน
คุณภาพก็ไม่เคยหยุดนิ่ง ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็สอดคล้องไปกับคนในทุกยุคทุกสมัยได้อย่างต่อเนื่อง

เพราะหากสังเกตดี ๆ สิ่งที่โซดาสิงห์ นำมาใช้ผ่านสารพัดแคมเปญการตลาด
จะเต็มไปด้วย “ไอเดียสร้างสรรค์” ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร

แล้วความคิดสร้างสรรค์นี้แหละ ที่ไม่ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน
มันจะช่วยให้เราปรับตัวและสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตลอดเวลา

เหมือนอย่าง โซดาสิงห์ ที่ใช้ “ความคิดสร้างสรรค์” ซึ่งเปรียบเสมือน DNA ของแบรนด์
มาใช้เป็นอาวุธทางการตลาด ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี
แบรนด์โซดาสิงห์ ก็ยังอยู่ในใจผู้บริโภคในทุกยุคทุกสมัย
พร้อมกับมียอดขายอันดับหนึ่งทิ้งห่างคู่แข่งตลอดเวลา

—-----------------------------
อ้างอิง
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด
-https://forbesthailand.com/people/cover-story/ภูริต-ภิรมย์ภักดี-สิงห์ห.html