เจาะกลยุทธ์ “aCommerce หรือ ACOM” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จบนโลกอีคอมเมิร์ซของแบรนด์ระดับโลก

เจาะกลยุทธ์ “aCommerce หรือ ACOM” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จบนโลกอีคอมเมิร์ซของแบรนด์ระดับโลก

16 มิ.ย. 2022
เคยสงสัยไหมว่า ถ้าเราเป็นผู้ประกอบการที่อยากทำธุรกิจด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) หรือขยายช่องทางซื้อขายออนไลน์ แต่ไม่มีความชำนาญในด้านการประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะทำอย่างไร?
แล้วแบรนด์ต่าง ๆ ที่เราเข้าไปสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ละบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์อีคอมเมิร์ซด้วยตนเองหรือไม่?
ธุรกิจให้บริการสนับสนุนการประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร หรือ E-commerce Enabler คือคำตอบของเรื่องนี้
ซึ่งการให้บริการอย่างครบวงจร ประกอบด้วย การให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ การพัฒนาร้านค้าออนไลน์ การดำเนินการร้านค้าแบรนด์ การทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ คลังสินค้าและบริการคลังสินค้าครบวงจร และการรับชำระเงินและการจัดส่งสินค้า
ไปจนถึงการบริการลูกค้า และการวิเคราะห์ข้อมูลและการให้ข้อมูลในเชิงลึก เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าแบบไร้รอยต่อ
ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ยังคงสอดคล้องกับตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์นั้น ๆ
จึงเรียกได้ว่า E-commerce Enabler คอยทำหน้าที่สนับสนุนให้แบรนด์ต่าง ๆ เติบโตบนโลกออนไลน์ได้อย่างแท้จริง
โดยบริษัทที่ให้บริการด้านการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร และเป็นรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2563
คือ บริษัท เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ ACOM ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทย
มีสำนักงานใหญ่ (Headquarter) ตั้งอยู่ในไทย และกำลังจะเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร็ว ๆ นี้
ซึ่งจะถือเป็นตัวแทนหุ้น (Proxy) สำหรับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยบริษัทฯ มีรายได้เติบโตไปกับยอดขายสินค้ารวม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) ของแบรนด์ในช่องทางออนไลน์
ซึ่งมีการเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับยอดขายธุรกิจค้าปลีกออฟไลน์
โดย EuroMonitor ได้ระบุในรายงานภาพรวมอุตสาหกรรมว่า ขนาดตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของธุรกิจค้าปลีกอยู่ที่ร้อยละ 11.0 ในปี 2563 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวเป็นร้อยละ 21.2 ในปี 2568
ACOM เป็นบริษัทที่ให้บริการ End-to-end E-commerce Enabler หรือให้บริการสนับสนุนธรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร ภายใต้พันธกิจ (Mission) ที่จะช่วยเหลือแบรนด์ให้สามารถเชื่อมต่อ สร้างการมีส่วนร่วม และทำธุรกรรมกับผู้บริโภคขั้นปลายได้ในทุกที่ ทุกเวลา และทุกวิธีการ เพื่อลดความยุ่งยากในการทำธรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน ACOM มีช่องทางการเชื่อมต่อ (Application Programing Interfaces หรือ APIs) กว่า 300 รายการ ให้บริการใน 5 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายการให้บริการเข้าไปในพื้นที่ภูมิศาสตร์ใหม่ เช่น ประเทศเวียดนาม หลังเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งบริษัทฯ มีสัญญาการร่วมมือทางธุรกิจในเวียดนามกับ DKSH เรียบร้อยแล้ว
การให้บริการของ ACOM ดำเนินการบนแพลตฟอร์มเทคโนโลยี EcommerceIQ ซึ่งบริษัทฯ ใช้งบลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 850 ล้านบาท
โดยผู้ใช้บริการจะสามารถทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซได้อย่างสะดวกสบาย ครบวงจร และสามารถเชื่อมต่อช่องทางการขายที่หลากหลายได้ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ขายตรงของแบรนด์ (เว็บไซต์ของร้านค้าเอง) บนร้านค้าอย่างเป็นทางการบนตลาดซื้อขาย (Marketplaces) และแพลตฟอร์มสื่อสังคม (Social Media Platform)
นอกจากนี้ ACOM ยังให้บริการระบบเทคโนโลยีการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ ทำให้แบรนด์มีต้นทุนที่ต่ำลง ขณะที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคปลายทางได้ดีขึ้น
อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ EcommerceIQ SaaS ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ทั้งข้อมูลของผู้บริโภคและคู่แข่งในตลาด
ซึ่งแบรนด์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนกลยุทธ์ทางธุรกิจในอนาคต
ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่นในการปรับรูปแบบให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และบริการที่ครบวงจร
ทำให้ ACOM มีลูกค้าที่กระจายตัวอยู่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นผู้นำหรือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในแต่ละอุตสาหกรรม
เช่น 3เอ็ม (3M), นารายา (Naraya), ควิกซิลเวอร์หรือบอร์ดไรเดอร์ส (Quiksilver หรือ Boardriders), เรกคิทท์ (Reckitt) และยูนิลีเวอร์ (Unilever) ฯลฯ โดยมีกลุ่มผู้ใช้บริการถึง 13 แบรนด์ ที่อยู่ใน 100 อันดับแรกของแบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2564
ไม่เพียงการให้บริการแบบครบวงจร แต่ ACOM ยังมีบริการผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ หรือบริการเสริมอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า (Value Added Services)
ประกอบด้วยบริการเฉพาะด้านที่บริษัทฯ ได้เสนอให้แก่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายอื่น เช่น การพัฒนาร้านค้าออนไลน์ การทำการตลาด โลจิสติกส์ หรือการบริหารจัดการคลังสินค้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกบริการได้ตามความต้องการ
โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถเปลี่ยน Value Added Services เป็นแบบครบวงจรได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า การเป็นคู่คิดและพันธมิตรทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
แม้ปัจจุบัน ACOM จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) แต่บริษัทฯ ยังคงวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจเพิ่มเติมในระดับภูมิภาค ดังนี้
• มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรกับกลุ่มผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรระดับโลกของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มจำนวนแบรนด์และรายการสินค้า
• ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ
• ขยายพื้นที่ให้บริการไปยังประเทศใหม่ ๆ และยกระดับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่ดี
• ขยายฐานผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจรรายใหม่และกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
• พัฒนาผลิตภัณฑ์ EcommerceIQ SaaS ทั้งในด้านคุณสมบัติการใช้งานและความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลเพื่อขยายฐานผู้ใช้บริการรายใหม่
• พิจารณาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและขยายตลาดในประเทศใหม่ ๆ
ในอนาคต คาดว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 19.8% นับจากปี 2563 จนถึงปี 2568 จากแนวโน้มรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่เพิ่มขึ้น เทรนด์การชำระเงินในช่องทางดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกิดในช่วง Covid-19 ทำให้ธุรกิจ E-commerce Enabler อย่าง ACOM เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมมาแรงที่จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับทุก ๆ อุตสาหกรรมในโลกยุคดิจิทัล …
Reference
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ บมจ.เอคอมเมิร์ซ กรุ๊ป ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.