ทำไม ถุงยางอนามัย มักวางขายที่ หน้าเคาน์เตอร์ ?

ทำไม ถุงยางอนามัย มักวางขายที่ หน้าเคาน์เตอร์ ?

17 ก.พ. 2023
รู้ไหมว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าได้แบบง่าย ๆ
โดยไม่ต้องยุ่งกับราคา หรือปรับเปลี่ยนสินค้า แต่อย่างใด
นั่นก็คือ ตำแหน่งในการ “จัดวางสินค้า” ในร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ
โดยปกติแล้ว การจัดวางสินค้า ก็มีหลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น การจัดเรียงสินค้าให้สัมพันธ์กัน เช่น จัดวางแชมพูไว้ข้าง ๆ ครีมนวดผม หรือการจัดโซนที่มีเฉพาะสินค้าโปรโมชันโดยเฉพาะ
แล้วรู้หรือไม่ว่า พื้นที่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ชำระเงิน ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่สร้างยอดขายให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี
ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ จะเหมาะกับ สินค้าราคาแพง เช่น ไวน์
สินค้าจำเป็น เช่น ยาสามัญประจำบ้าน หรือแม้แต่สินค้าโปรโมชัน
แต่ยังมีสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ที่มักวางขายอยู่หน้าเคาน์เตอร์เป็นประจำ
นั่นก็คือ “ถุงยางอนามัย” สินค้าที่ทำให้สุภาพบุรุษหลายท่าน เกิดอาการเขิน จนไม่กล้าซื้อได้ง่าย ๆ
ด้วยเหตุนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วทำไมถุงยางอนามัย สินค้าที่ “คนซื้ออาย คนขายก็เขิน” ถึงมักวางขายที่หน้าเคาน์เตอร์ แทนที่จะเป็นมุมอื่น ๆ ของร้านค้า ?
บทความนี้ MarketThink จะขออาสาตามหาเหตุผลจริง ๆ ของเรื่องนี้ มาสรุปให้ฟัง..
1. ป้องกันการโจรกรรมถุงยางอนามัย
เพราะถุงยางอนามัย เป็นสินค้าที่มีขนาดเล็ก 
และหลายคนก็อาจจะอายที่จะหยิบไปชำระเงิน 
จึงทำให้มีการขโมยถุงยางอนามัย เกิดขึ้นบ่อย ๆ
ด้วยเหตุนี้ ร้านสะดวกซื้อหลาย ๆ แห่ง จึงแก้ปัญหาด้วยการวางสินค้าให้อยู่ใกล้สายตาของพนักงานมากขึ้น 
เช่น บริเวณใกล้ ๆ กับจุดชำระเงิน ซึ่งก็คือพื้นที่ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ เพื่อลดอัตราการขโมยให้มากที่สุดนั่นเอง
ซึ่งจริง ๆ แล้ว การจัดวางถุงยางอนามัยไว้ใกล้ ๆ กับเคาน์เตอร์ชำระเงิน ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น
เพราะประเทศอื่น ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา ก็มีการนำถุงยางอนามัยไปวางจำหน่ายที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน เพื่อป้องกันการขโมยเช่นเดียวกัน
และเชื่อหรือไม่ว่า ถุงยางอนามัย ที่สหรัฐฯ เข้าถึงยากกว่าของไทยเราเสียอีก
เพราะเคยมีการสำรวจ ถึงจุดวางจำหน่ายของถุงยางอนามัยในรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ แล้วพบว่า
ถุงยางอนามัยกว่า 81% ถูกวางจำหน่ายอยู่หลังเคาน์เตอร์ ที่ต้องเรียกให้พนักงานไปหยิบให้ ถึงจะซื้อได้ เพื่อป้องกันการขโมยนั่นเอง..
นอกเหนือจากถุงยางอนามัย ที่เป็นสินค้าขนาดเล็ก จะเหมาะกับการวางหน้าเคาน์เตอร์แล้ว
ก็ยังมีสินค้าขนาดเล็กอื่น ๆ ที่เหมาะกับการวางหน้าเคาน์เตอร์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ซองลูกอม หรือหมากฝรั่ง
2. ถุงยางอนามัย เป็นสินค้าที่วางคู่กับสินค้าอื่น ๆ “ไม่ค่อยได้”
เรื่องนี้ “คุณธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย” นักการตลาด ได้เคยให้เหตุผลไว้ได้อย่างน่าสนใจ
โดยบอกว่า ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ในไทย ไม่ได้มีพื้นที่มากพอ ที่จะตั้งโซนถุงยางอนามัยแยกออกมา เหมือนอย่างร้านขายยาขนาดใหญ่ได้
จึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องเอาถุงยางอนามัย ไปตั้งคู่กับสินค้าชนิดอื่น ๆ
ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้ ภาพลักษณ์ และยอดขายของสินค้าชิ้นข้าง ๆ นั้นลดลงได้ 
เพราะคนอาจจะเขินอาย จนไม่กล้ายืนแถว ๆ โซนนั้น
ดังนั้น ถุงยางอนามัยจึงเหมาะกับการนำมาวางที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ที่มีสินค้าหลัก ๆ อยู่แค่ไม่กี่ประเภทเท่านั้น ได้แก่
- สินค้าโปรโมชัน เช่น ขนมลดราคา, ช็อกโกแลตแพ็กคู่ 
- สินค้าเผลอใจ ที่ลูกค้าไม่ได้ตั้งใจไปซื้อตั้งแต่แรก แต่จะตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์ชั่ววูบแทน เช่น ถ่านไฟฉาย, มีดโกน และยารักษาโรค
โดยทั้งคู่จะเป็นสินค้าที่ลูกค้าไม่ได้คาดหวังว่าจะมาซื้อตั้งแต่แรก และมักจะมีการเปลี่ยนผังการจัดวางไปเรื่อย ๆ 
ทำให้สินค้าพวกนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก จากการที่มีถุงยางอนามัยไปตั้งอยู่ข้าง ๆ นั่นเอง..
3. หน้าเคาน์เตอร์ เป็นจุดชำระเงินที่เร็วที่สุด และทำให้คนซื้อ “เขิน” น้อยที่สุด
เพราะไม่ว่าจะวางถุงยางอนามัยไว้ที่ซอกไหนของร้านค้า 
แต่สุดท้ายแล้วลูกค้าก็ต้องหยิบมาชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่ดี
ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็ต้องการที่จะซื้อถุงยางอนามัยให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว
ดังนั้น ก็คงไม่มีจุดไหนดีไปกว่าการตั้งไว้ที่ “หน้าเคาน์เตอร์”
เพราะเป็นจุดที่ลูกค้าสามารถ “หยิบ” และ “ชำระเงิน” ได้เร็วที่สุดในร้าน 
ชนิดที่ว่า เข้าร้านมาเจอของ หยิบของ วางเพื่อชำระเงิน แล้วเดินออกไปได้เลย..
ซึ่งหมายความว่า ระยะเวลาในการ “เขินอาย” ของลูกค้า จะสั้นเพียงไม่กี่วินาที
โดยคุณธันยวัชร์ ยังบอกอีกว่า ส่วนใหญ่แล้ว ลูกค้าที่มาซื้อถุงยางอนามัย มักจะมีรุ่นในใจก่อนมาซื้ออยู่แล้ว 
เพราะปัจจุบัน ลูกค้าสามารถหาข้อมูลของสินค้าได้ง่าย ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต
ทำให้จุดวางจำหน่ายถุงยางอนามัย ไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ให้ยืนเลือกก็ได้นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็อาจคลายข้อสงสัยแล้วว่า ทำไมถุงยางอนามัย มักวางขายที่ “หน้าเคาน์เตอร์”
โดยสรุปก็คือ เพราะป้องกันการขโมย, ไม่ทำให้สินค้าอื่น ถูกลดทอนภาพลักษณ์ และมียอดขายลดลง
และที่สำคัญเลยก็คือ ทำให้คุณสุภาพบุรุษทั้งหลาย เขินแค่แป๊บเดียว นั่นเอง..
-------------------------
อ้างอิง:
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.